วันพฤหัสบดีที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2556


San Francisco
       
       ซานฟรานซิสโก หรือ แซนแฟรนซิสโก (San Francisco) คือเมืองในรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา มีประชากร ประมาณ 808,976 คน ซึ่งเป็นเมืองที่มีความหนาแน่นประชากรเป็นอันดับสองของประเทศ เมืองซานฟรานซิสโกตั้งอยู่บริเวณอ่าวซานฟรานซิสโก
ชาวยุโรปกลุ่มแรกที่มาตั้งรกรากในซานฟรานซิสโกคือชาวสเปน โดยในปี ค.ศ. 1776 เมืองมีชื่อว่า เซนต์ฟรานซิส (St. Francis) ในภายหลังจากช่วงยุคตื่นทองในปี ค.ศ. 1848 ทำให้ประชากรในซานฟรานซิสโกเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และเมืองเติบโตอย่างมาก ถึงแม้ว่าซานฟรานซิสโกจะประสบปัญหา แผ่นดินไหวและไฟ้ไหม้ขนาดใหญ่ในช่วงปี ค.ศ. 1906 ซานฟรานซิสโกกลับฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว และได้ชื่อว่าเป็นเมืองสำคัญเมืองหนึ่งในแถบชายฝั่งตะวันตกของประเทศ
ซานฟรานซิสโกมีลักษณะภูมิประเทศที่เป็นเขา และมีชายฝั่งติดกับมหาสมุทรแปซิฟิก สัญลักษณ์ที่ขึ้นชื่อของเมืองซานฟรานซิสโกได้แก่ สะพานโกลเดนเกต และแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงได้แก่ เกาะอัลคาทราซ รถรางซานฟรานซิสโก Pier 39 และ ถนนลอมบาร์ด ทีมกีฬา อเมริกันฟุตบอล ที่สำคัญได้แก่ ซานฟรานซิสโก 49ers เป็นเมืองเศรษฐกิจที่มีขนาดใหญ่ และชาวเอเชียอาศัยที่อ่าวซานฟรานซิโกเป็นจำนวนมาก


U Must Go  

Golden Gate Bridge
       สะพานโกลเดนเกต ( Golden Gate Bridge) ทอดยาวข้ามอ่าวตอนเหนือของเมืองซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกาสร้างในสมัยประธานาธิบดีแฟรงคลิน ดี. โรสเวลต์ เมื่อปี ค.ศ. 1933 เสร็จสมบูรณ์ในปี ค.ศ. 1937 ตอนกลางสะพานยาว 1,280 เมตร กว้าง 27 เมตร สูงกว่าระดับน้ำทะเล 67 เมตร มีทางรถยนต์ 6 ทาง รถบรรทุก 3 ทาง รถไฟ 2 ทาง ใช้งบประมาณก่อสร้างราว 35 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
"สะพานโกลเดนเกท-Golden Gate" ความหมายคือ "ประตูทอง" ต้อนรับผู้มุ่งมาซานฟรานซิสโก ทำสถิติเป็นสะพานแขวนแห่งแรกที่ใหญ่ที่สุดในโลก เป็นเส้นทางสู่อ่าวซานฟรานซิสโก และเชื่อมระหว่างซานฟรานฯ กับมาริน เคาท์ตี
     สะพาน ทาสีแดงอมส้มสดตามสีสัญลักษณ์ของซานฟรานฯ ใช้งบประมาณในการสร้าง 35 ล้านดอลลาร์ เริ่มก่อสร้างเมื่อวันที่ 5 มกราคม 1933 อันเป็นช่วงสมัยของประธานาธิบดีแฟรงกิน ดี. รูสเวลต์ มี โจเซฟ สเตราส์ เป็นวิศวกร ฝากฝีมือบันทึกไว้บนสะพานโกลเดน เกทสีแดงอมส้มที่จะเปล่งแสงสะท้อนเมื่อยามแสงอาทิตย์ตกกระทบ ความงามทางด้านวิศวกรรมได้รับการยกย่องจากสมาคมวิศวกรพลเรือนอเมริกันให้ เป็นหนึ่งใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก



The Japanese Tea Garden 
                  
         The Japanese Tea Gardenเป็นสวนญี่ปุ่นที่เก่าเเก่ที่สุดในสหรัฐ มีพื้นที่ 20,000 m²หรือ 5 acres ซึ่งถุกตกทอดจาก california mid-winter exposition in 1894 เเม้ว่า Japanese tea garden จะเปลี่ยนมาจาก Japanese Village เเต่ก็ยังมีสิงที่ทำให้เตือนความจำเช่นมี the splendid moon bridge , tea house etc Makoto Hagiwara a wealthy Japanese landscape designer(-1925),เดินทางมาสหรัฐในปลายปีค.ศ 1800s เป็นผู้ก่อต้้ง เเละดูเเลจากคศ 1895 จนกระทั่งในปีค.ศ 1942 ครอบครัวได้ถูกส่งไปเป็นนักโทษในเเคมป์ระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง


 

วันพฤหัสบดีที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2556

New York City

       นครนิวยอร์ก หรือที่นิยมเรียกกันว่า นิวยอร์กซิตี้ (New York City; NYC) เป็นเมืองใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา เป็นเมืองที่เจริญที่สุดในโลก เป็นมหานครเอกของโลก จัดได้ว่าเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ การเงิน วัฒนธรรม บันเทิง ที่สำคัญที่สุดของโลก เป็นเมืองที่มี ตึกระฟ้า ตึกสูงมากที่สุดในโลก ตลอดระยะเวลา 150 ปี และยังเป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่องค์การสหประชาชาติ อีกด้วย




นี่แหละ NYC

1. Empire State Building


ตึกเอ็มไพร์สเตท ( Empire State Building) เป็นหนึ่งในอาคารระฟ้าที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในโลก ตั้งอยู่บนเกาะแมนฮัตตัน ในรัฐนิวยอร์ก นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา บริเวณจุดตัดของถนน Fifth Avenue และ West 34 Street

นับ เป็นอาคารหลังแรกของโลกที่มีความสูงมากกว่า 100 ชั้น ออกแบบโดยสถาปนิกชาวอเมริกัน วิลเลียม เฟรดเดอริค แลมบ์ ( William Frederick Lamb )




2. Chrysler Building

ตึกไครสเลอร์ (Chrysler Building) เป็นอาคารที่มีชื่อเสียงอีกแห่งในนครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา ตัวอาคารตกแต่งตามสถาปัตยกรรม อาร์ตเดคโค( Art Deco) ตั้งอยู่ด้านตะวันออกของเกาะแมนฮัตตัน บริเวณจุดตัดของถนน 42 Avenue และ ถนนเลกซิงตัน (Lexington Avenue) มีความสูงทั้งสิ้น 77 ชั้น ด้วยความสูง 1,046 ฟุต กับอีก 4.5 นิ้ว หรือประมาณ 319 เมตร

ตึกไครสเลอร์ เคยเป็นอาคารสูงที่สุดในโลกตั้งแต่ พ.ศ.2473 นาน 11 เดือนก่อนที่จะถูกล้มตำแหน่งโดย ตึกเอ็มไพร์สเตต (Empire State Building) ที่สร้างเสร็จใน พ.ศ.2480 (1931)
ตึก ไครสเลอร์เป็นตัวอย่างที่คลาสสิกของสถาปัตยกรรม อาร์เดคโค (Art Deco) ออกแบบโดยสถาปนิกชื่อ วิลเลียม แวน อเล็น (William Van Alen) และผ่านการพิจารณาโดยสถาปนิกร่วมสมัยว่าเป็นหนึ่งในอาคารที่ดีที่สุดในนคร นิวยอร์กในปี 2007



3.Statue of Liberty


อนุสาวรีย์เทพีเสรีภาพ หรือ เทพีเสรีภาพ เป็นอนุสาวรีย์ที่ยิ่งใหญ่ และมีคุณค่าทางจิตใจ ในภาษาอังกฤษ เรียกว่า Statue of Liberty แต่เดิมชื่อว่า Liberty Enlightening the World ตั้งอยู่ ณ เกาะลิเบอร์ตี อ่าวนิวยอร์ก ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นของขวัญที่ชาวฝรั่งเศสมอบให้แก่ชาวอเมริกัน ในวันที่อเมริกาเฉลิมฉลองวันชาติครบ 100 ปี ณ วันที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2419 โดยส่งมอบอย่างเป็นทางการ โดยมี ประธานาธิบดีโกรเวอร์ คลีฟแลนด์ ในวันที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2429

         เทพีเสรีภาพ เป็นประติมากรรมโลหะสำริด รูปเทพีห่มเสื้อคลุม มือขวาชูคบเพลิง มือซ้ายถือถือแผ่นจารึกคำประกาศอิสรภาพของสหรัฐฯ และมีอักษรสลักว่า "JULY IV MDCCLXXVI" หรือ วันที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2319(ค.ศ. 1776) เท้าข้างหนึ่งมีโซ่ที่ขาด แสดงถึงความหลุดพ้นจากการเป็นทาส สวมมงกุฎ 7 แฉกซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของทะเลทั้งเจ็ด หรือทวีปทั้งเจ็ด ภายในมีบันไดวนรวมทั้งสิ้น 162 ขั้น เกิดขึ้นตามแนวคิดของเอดูอาร์ด เดอ ลาบูลาเย นักประวัติศาสตร์ ชาวฝรั่งเศส เพื่อระลึกถึงความสัมพันธ์ของสหรัฐอเมริกา และ ฝรั่งเศส ระหว่างการปฏิวัติอเมริกัน ออกแบบโดยเฟรเดรีค โอกุสต์ บาร์โทลดี โครงร่างเหล็กออกแบบโดย เออแชน วียอเลต์-เลอ-ดุค และกุสตาฟ ไอเฟล ซึ่งเป็นผู้ออกแบบหอไอเฟล ในกรุงปารีส ส่วนฐานอนุสาวรีย์ สร้างโดยสหรัฐอเมริกา จารึกโคลงซอนเนต์ของกวีชาวอเมริกัน เอมมา ลาซารัส ซึ่งมีเนื้อหาต้อนรับผู้อพยพที่เข้าอยู่มาในอเมริกา
         สาเหตุที่ทำให้ชาวฝรั่งเศสมอบเทพีเสรีภาพให้แก่สหรัฐอเมริกา เพราะว่า พวกเขาชื่นชมชาวอเมริกันที่หาญกล้าหาญ ที่ลุกขึ้นสู้กับสหราชอาณาจักร และประกาศอิสรภาพ จากสหราชอาณาจักรสำเร็จ เป็นชาติเอกราชในที่สุด ชาวฝรั่งเศส จึงรณรงค์หาเงินบริจาคจากทั่วประเทศ
ในการขนส่งจากฝรั่งเศส มายังสหรัฐอเมริกา เนื่องจากความใหญ่โตของอนุสาวรีย์ ทำให้ต้องแยกส่วนแล้วมาประกอบที่อเมริกา มีชิ้นส่วนรวมทั้งหมด 350 ชิ้น และนำมาประกอบขึ้นใหม่โดยใช้ระยะเวลาประมาณ 4 เดือน แต่ส่วนฐาน พบว่ามีการสร้างเสร็จ ในวันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2429 โดยหมุดตัวสุดท้ายถูกประกอบเสร็จ ในวันที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2429
ปี พ.ศ. 2527 องค์การยูเนสโก ประกาศให้อนุสาวรีย์เทพีเสรีภาพ เป็นมรดกของโลก ปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวไปเยี่ยมชมไม่น้อยกว่า 800,000 คน
       ตามปกติแล้ว ประชาชนสามารถขึ้นไปชมวิวบนส่วนหัวมงกุฎของเทพีได้ แต่หลังเหตุวินาศกรรม 11 กันยายน พ.ศ. 2544 ทางการได้สั่งปิดอนุสาวรีย์ดังกล่าว ล่าสุด มีการเปิดให้นักท่องเที่ยว สามารถเดินทางไปที่เกาะ เพื่อชมความสวยงามของอนุสาวรีย์จากด้านล่างได้ แต่ยังตัวอนุสาวรีย์ยังปิดอยู่ รวมถึงพิพิธภัณฑ์ที่ส่วนฐานของอนุสาวรีย์ ด้วยเหตุผลทางด้านความปลอดภัย




4.Central Park

      เซ็นทรัลปาร์ก เป็นสวนสาธารณะกลางใจนครนิวยอร์ก ซ็นทรัล พาร์ค สร้างเสร็จเมื่อปี 1873 มีขนาดอยู่ที่ 341 เฮกตาร์ (3.4 ตารางกิโลเมตร หรือสนามฟุตบอล 460 สนามต่อกัน) โดยผู้คนที่เดินทางมาที่นี้ ไม่ใช่มาเพื่อเดินหรือวิ่งออกกำลังเท่านั้น ภายในสวนสาธารณะแห่งนี้ ยังมีสวนสัตว์ รูปปั้น ร้านอาหาร เรือถีบ ม้าหมุน ลานสเก็ต นั่งปิคนิค และลานน้ำพุ ที่สำคัญที่ เซ็นทรัล พาร์ค ยังเป็นสถานที่ยอดนิยมที่กองภาพยนต์ มักเลือกใช้มาเป็นส่วนหนึ่งในฉากประกอบ






5.Metropolitan Museum of Art


        พิพิธภัณฑ์ศิลปะเมโทรโปลิตัน (อังกฤษ: Metropolitan Museum of Art หรือ the Met) เป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะที่ตั้งอยู่ที่ทางตะวันออกของเซ็นทรัลพาร์คในนครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา พิพิธภัณฑ์เมโทรโปลิตันก่อตั้งเมื่อปี ค.ศ. 1870

        พิพิธภัณฑ์เป็นเจ้าของงานศิลปะถาวรกว่าสองล้านชิ้นที่แบ่งเป็นสิบเก้าแผนก  อาคารหลักมักจะเรียกสั้นๆ ว่า “the Met” เป็นหอศิลป์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกหอศิลป์หนึ่งแลมีสาขาที่สองที่เล็กกว่าที่“เด อะคล็อยสเตอร์ส” (The Cloisters) ในอัพเพอร์แมนแฮตตัน Upper Manhattan ซึ่งเป็นที่ตั้งแสดงศิลปะยุคกลาง

ศิลปะถาวรที่เป็นเจ้าของเป็นงานศิลปะตั้งแต่ศิลปะยุคคลาสสิกและศิลปะอียิปต์โบราณ, จิตรกรรมและประติมากรรมของจิตรกรชั้นครูจากเกือบทุกประเทศในยุโรปตะวันตก และงานสะสมศิลปะอเมริกันและศิลปะสมัยใหม่ นอกจากนั้นพิพิธภัณฑ์ก็ยังเป็นเจ้าของงานศิลปะจากแอฟริกา, เอเชีย, ศิลปะจากหมู่เกาะปาซิฟิค, ศิลปะไบเซนไทน์ และศิลปะอิสลาม  นอกไปจากศิลปะแล้วพิพิธภัณฑ์ก็ยังสะสมเครื่องดนตรี, เสื้อผ้าและเครื่องตกแต่ง, อาวุธโบราณ, เสื้อเกราะและอาวุธจากทั่วโลก ภายในพิพิธภัณฑ์มีสิ่งก่อสร้างที่แสดงการตกแต่งภายในเป็นการถาวรตั้งแต่จาก คริสต์ศตวรรษที่ 1 ของสมัยโรมันไปจนถึงสมัยใหม่ของสหรัฐอเมริกา

พิพิธภัณฑ์ศิลปะเมโทรโปลิตันก่อตั้งในปี ค.ศ. 1870 โดยกลุ่มชาวอเมริกัน ผู้ก่อตั้งรวมทั้งนักธุรกิจและนักการเงินและผู้นำศิลปินและนักคิดในสมัยนั้น ผู้ที่ประสงค์จะก่อตั้งพิพิธภัณฑ์ที่นำศิลปะและการศึกษาศิลปะมาสู่ประชาชน อเมริกัน พิพิธภัณฑ์เปิดให้ประชาชนเข้าชมเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1872
ในปี ค.ศ. 2007 พิพิธภัณฑ์มีความยาวทั้งสิ้นเกือบหนึ่งในสี่ไมล์และมีเนื้อที่ทั้งหมดกว่าสองล้านตารางฟุต





 6.Rockefeller Center

        ร็อคกี้เฟลเลอร์ เซ็นเตอร์เป็นจุดนัดพบหลักสำหรับชาวนิวยอร์กและนักท่องเที่ยว โลเวอร์พลาซ่าเป็นลานสเก็ตสเก็ตน้ำแข็งที่มีชื่อเสียงในฤดูหนาวและเป็นลาน การรับประทานอาหารกลางแจ้งในฤดูร้อนหน้ารูปปั้นสำริดของโพรมีเธียส ในเดือนธันวาคมและมกราคมจะมีการจัดต้นคริสต์มาสของเมืองและตลอดทั้งปีจะใช้ เป็นสถานที่สำหรับผู้ชมที่ชื่นชอบรายการโทรทัศน์ รายการ Saturday Night Live และ Today Show ของช่อง NBC มีการบันทึกรายการที่นี่ แม้กระทั่งรายการทัวร์ของสตูดิโอ NBC ส่วน Radio City Music Hall ดูเหมือนจะเป็นจุดเด่นทางด้านสถาปัตยกรรมของร็อคเฟลเลอร์ เซ็นเตอร์เลยก็ว่าได้








7.Yankee Stadium


        สนามกีฬาแยงกี้ในตำนานแห่งนี้จะอยู่ในความทรงจำของใครหลายๆคนไปอีกแสนนาน สถานที่แห่งนี้มีความคลาสสิคและใช้เป็นที่จัดงานที่เต็มไปด้วยฝูงชนมากมาย มีการจัดการแข่งขันกีฬาในช่วงเดือนเมษายนถึงตุลาคม และแม้ว่าคุณจะไม่มีตั๋วเข้าชมแต่คุณก็ยังสามารถเดินทางไปกับทัวร์ที่จัด ขึ้นเพื่อเข้าชมสนามกีฬาในวันที่ไม่มีการแข่งขันได้







7.Broadway

          ละครบรอดเวย์ (Broadway theatre) มีชื่อเสียงทางด้านของศิลปะการละครเวที มีเอกลักษณ์ของละครอเมริกันอย่างที่นิยมกันเรียกกันว่าละครเพลง มีองค์ประกอบรูปแบบการแสดง เพลงและการเต้นรำในลักษณะต่างๆ ที่กำหนดไว้อย่างตายตัวไม่ว่าจะมีการแสดงสักกี่รอบก็ตาม โดย บรอดเวย์ เป็นชื่อของถนนสายหนึ่งในเมืองนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา
และวงการภาพยนตร์ก็มักจะนำเรื่องราวจากละครเพลงมาทำเป็นภาพยนตร์และส่วน มากจะประสบความสำเร็จได้รางวัลอยู่เสมอ เช่น เรื่อง West Side Story, The Sound of Music, South Pacific, The King and I, และ Chicago เป็นต้น
ละครเพลงบรอดเวย์ แต่ละเรื่องมักได้รับความนิยมยาวนานมาก ตัวอย่าง เมื่อวันที่ 9 มกราคมปีนี้เอง ที่สถิติบันทึกว่า ละครเพลงเรื่อง The Phantom Of Opera ได้ทำการแสดงยาวนานที่สุด จำนวน 7,486 รอบ ณ โรงละครมาเจสติก และหลายเรื่องได้รับรางวัลโทนี่ ซึ่งเป็นมาตรฐานดีที่สุดของวงการบรอดเวย์